วันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2567

Wokwi คืออะไร




Wokwi หรือ Wokwi Online Simulator 
  • เป็นโปรเจกต์เริ่มต้นในปี 2019 โดย Uri Shaked นักพัฒนาชาวอิสราเอล และ เปิดให้บริการโดยบริษัท CodeMagic Ltd.


    Uri Shaked

  • เป็นโปรแกรมบนเว็บ (Web Application) ใช้งานผ่านเว็บบราวเซอร์ Web Browser เช่น Google Chrome   
    โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมในเครื่อง


    Google Chrome
    (Web Browser)

  • ใช้จำลองการทำงานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ 
    เช่น ไมโครคอนโทรลเลอร์ (Microcontroller : MCU),
    หลอดแอลอีดี (LED), สวิตช์ปุ่มกด (Push Button Switch) 


    LED
    (Light-Emitting Diode)


    Push Button

  • ใช้เขียนโปรแกรมหรือเขียนโค้ดเพื่อจำลองการทำงานของไมโครคอนโทรลเลอร์ เช่น บอร์ด Arduino, บอร์ด ESP32

Wowki Online Simulator



โปรแกรม Wokwi Simulator 
https://wokwi.com/

รายการอุปกรณ์ที่ใช้ได้กับ Wokwi


วันเสาร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2567

ข้อดี ข้อเสีย IoT


ข้อดี ข้อเสีย ของ Internet Of Things

ข้อดี ข้อเสีย
  • เพิ่มความสะดวกสบายในชีวิต เช่น หลอดไฟเปิดปิดเองได้
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้รวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำขึ้น
  • ช่วยลดต้นทุน เช่น ประหยัดพลังงาน ประหยัดไฟฟ้า ประหยัดน้ำ
  • ต้องใช้สัญญาณ internet ตลอดเวลา
  • ความปลอดภัยของข้อมูล เสี่ยงต่อการถูก hack ข้อมูล 


ตัวอย่างการใช้งาน IoT




Smart Home


Smart home บ้านอัจฉริยะ หรือ Home Automation 
  • ใช้เทคโนโลยีมาควบคุมอุปกรณ์ต่างๆภายในบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้อยู่อาศัย
  • จัดการพลังงาน
  • รักษาความปลอดภัยอัตโนมัติทั้งภายในและรอบตัวบ้าน
  • สามารถสั่งปิดจากนอกบ้านได้หรือสั่งเปิดก่อนที่เราจะถึงบ้าน


หลอดไฟอัจฉริยะ

สั่งเปิดปิดหลอดไฟในบ้านด้วยระบบอินเตอร์เน็ตโดยใช้ปลายนิ้วสัมผัสหรือสั่งการด้วยเสียง

หากลืมปิดไฟก่อนออกจากบ้าน ก็สามารถสั่งปิดไฟผ่านแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์จากนอกบ้านได้

เมื่อเรากำลังจะนอนบนที่นอน เราก็สามารถสั่งปิดไฟผ่านระบบ IoT ด้วยเสียงของเราได้


เครื่องปรับอากาศอัจฉริยะ

สั่งเปิดแอร์ล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์ในขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้านได้ เมื่อเข้าบ้านก็จะสัมผัสอากาศเย็นสดชื่นทันที

เมื่อลืมปิดแอร์ ก็สามารถสั่งให้ปิดแอร์จากนอกบ้านได้


ตู้เย็นอัจฉริยะ

สามารถควบคุมอุณหภูมิเพื่อยืดอายุอาหารให้เก็บในตู้เย็นได้นานขึ้น

มีระบบสแกนอาหารในตู้เย็นเพื่อตรวจสอบอาหารตัวใดเหลือน้อยได้ 








Smart Farm


Smart Farm




ระบบรดน้ำตามเวลาและระดับวัดอุณหภูมิหรือความชื้น


...

วันเสาร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2567

อุปกรณ์ IoT



อุปกรณ์ IoT ทำหน้าที่เก็บข้อมูลและส่งข้อมูล รับข้อมูลและประมวลผลข้อมูล หรือเรียกอีกอย่างว่า Smart Devices (อุปกรณ์อัจฉริยะ)

โดยมีการทำงานแบบ M2M (Machine to Machine การคุยกันของเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ 2 ชิ้น) หรือ M2H (Machine to Human เครื่องจักรหรือหุ่นยนต์ทำงานร่วมกับมนุษย์) ผ่านทาง internet เป็นตัวเชื่อม


อุปกรณ์ IoT ที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลและส่งข้อมูล 
คือ เซ็นเซอร์ (Sensor) ที่ใช้ในการตรวจจับ เช่น

  • เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ (Temperature Sensor)
    เก็บค่าอุณหภูมิและส่งข้อมูลไปประมวลผล
    เมื่ออากาศร้อนก็สั่งให้เครื่องปรับอากาศหรือพัดลมทำงาน
     
  • เซ็นเซอร์วัดความชื้น (Moisture Sensor)
    เก็บค่าความชื้นและส่งข้อมูลไปประมวลผล
    เมื่อดินแห้งก็สั่งให้ปั๊มน้ำทำการรดน้ำต้นไม้
  • เซ็นเซอร์จับความเคลื่อนไหว (Motion Sensor)
    ตรวจจับความเคลื่อนไหวของคนและส่งข้อมูลไปประมวลผล
    เมื่อมีคนเดินผ่านก็ให้ประตูเปิดอัตโนมัติหรือหลอดไฟสว่างอัตโนมัติ


   




อุปกรณ์ IoT ที่ทำหน้าที่รับข้อมูลและประมวลผล
คือ อุปกรณ์ระบบสมองกลฝังตัว (Embedded system) ได้แก่ 
  • ไมโครคอนโทรลเลอร์ Microcontroller หรือ MCU เช่น 
    Arduino หรือ ESP32
  • คอมพิวเตอร์บอร์ดเดี่ยว Single Board Computer เช่น
    Raspberry Pi

Arduino


ESP32


Raspberry Pi


IoT มีกี่ประเภท



Internet Of Things มี 3 ประเภท

1.
Consumer Internet of Things
สำหรับใช้งานส่วนตัวหรือภายในบ้าน เช่น
Smartphone, Smart Watch, Smart TV, Smart Car
โดยเชื่อมต่อกับ Wi-Fi หรือ Bluetooth

2.
Commercial Internet of Things C-IoT
อุปกรณ์ IoT เชิงพาณิชย์ เช่น
ป้ายไฟหรือจอโฆษณา, ไฟจราจร, ระบบจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชั่น, ระบบขนส่งสาธารณะที่รองรับ Smart Card, อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มาช่วยตรวจวินิจฉัยรักษาผู้ป่วย, กล้องตรวจจับความเร็ว, กล้องวงจรปิด

จะพบเห็นได้ภายนอกบ้าน เช่น ห้างร้าน ร้านอาหาร โรงแรม โรงแรม สถานที่สาธารณะ

3.
Industrial Internet of Things IIoT
อุปกรณ์ IoT ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม นำเครื่องจักรและคนมาทำงานร่วมกันในการควบคุมการผลิตและคุณภาพ เพื่อเพิ่มความรวดเร็ว ความแม่นยำ และประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น 
แขนกลในโรงงานผลิต, เครื่องตรวจสอบชิ้นงาน






วันจันทร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2567

บิดาแห่ง Internet of Things

Kevin Ashton, Father of IoT


Internet of Things เริ่มมาตั้งแต่ปี 1999 โดย Kevin Ashton หนึ่งในผู้ก่อตั้งโปรเจกต์ Auto-ID Center ของมหาวิทยาลัย MIT (Massachusetts Institute of Technology) ได้เสนอวิธีที่ต่อยอดมาจากเทคโนโลยี RFID Sensor สำหรับจับสัญญาณเซ็นเซอร์ต่างๆ ให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พูดคุยเชื่อมต่อสื่อสารกันได้ผ่านระบบ Auto-ID

โดย Kevin Ashton อาจเป็นคนแรกที่ใช้คำว่า Internet of Things ในสไลด์การบรรยายเป็นครั้งแรก
ให้กับบริษัท 
P&G (Procter & Gamble) ซึ่งนิยามเอาไว้ว่า

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใดๆ ก็ตามที่สามารถสื่อสารกันได้ ถือเป็น
internet-like หรือก็คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สื่อสารแบบเดียวกันกับระบบอินเตอร์เน็ต โดยคำว่า Things ก็คือคำใช้แทนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆเหล่านั้น


IoT คืออะไร




IoT ย่อมาจาก Internet of Things แปลว่า อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง หรือ อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง

คือ สิ่งต่างๆหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ถูกเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับอุปกรณ์อื่นๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

ทำให้คนสามารถควบคุมและสั่งงานอุปกรณ์ต่างๆ ได้ทางอินเตอร์เน็ต เช่น สั่งปิด-เปิด อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องมือทางการเกษตร เครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม

โดยมีการทำงานแบบ M2M (Machine to Machine การคุยกันของเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ 2 ชิ้น) หรือ M2H (Machine to Human เครื่องจักรหรือหุ่นยนต์ทำงานร่วมกับมนุษย์) ผ่านทาง internet เป็นตัวเชื่อม